วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียน ประจำวันที่ 4 กันยายน 2557


  บันทึกการเรียน
1.เรียนเกี่ยวกับ - ความหมายของภาษา
                 สรุปได้ว่า ภาษาคือ สื่อกลางในการทำความเข้าใจระหว่างบุคคล สามารถรู้เรื่องกันได้ ด้วยท่าทาง สัญลักษณ์ การพูด การเขียน การแสดงสีหน้า ซึ่งรวมเอาวิธีการทุกอย่าง ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกัน ในการติดต่อกัน 
                         - ความสำคัญของภาษา


                        สรุปได้ว่า ภาษามีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยเป็นอย่างมาก เด็กจำเป็นจะต้องเรียนรู้ภาษาเพื่อใช้ในการสื่อความหมาย การคิด จินตนาการ การแสดงออก และการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม 

                         - ทักษะของภาษารวมถึงองค์ประกอบของภาษา


         ภาษาทุกภาษาย่อมมีองค์ประกอบของภาษา โดยทั่วไปจะมีองค์ประกอบ 4 ประการ คือ
เสียง
นักภาษาศาสตร์จะให้ความสำคัญของเสียงพูดมกกว่าตัวเขียนที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพราะภาษาย่อมเกิดจากเสียงที่ใช้พูดกัน ส่วนภาษาเขียนเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนเสียงพูด
พยางค์และคำ
พยางค์เป็นกลุ่มเสียงที่เปล่งออกมาแต่ละครั้ง จะประกอบด้วย เสียงพยัญชนะ เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์ จะมีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้

ประโยค
ประโยค เป็นการนำคำมาเรียงกันตามลักษณะโครงสร้างของภาษาที่กำหนดเป็นกฎเกณฑ์หรือระบบตามระบบทางไวยากรณ์ของแต่ละภาษา และทำให้ทราบหน้าที่ของคำ
ความหมาย
ความหมายของคำมี 2 อย่าง คือ
(1) ความหมายตามตัวหรือความหมายนัยตรง เป็นความหมายตรงของคำนั้นๆ เป็นคำที่ถูกกำหนดและผู้ใช้ภาษามีความเข้าใจตรงกัน เช่น
“ กิน” หมายถึง นำอาหารเข้าปากเคี้ยวและกลืนลงไปในคอ
(2) ความหมายในประหวัดหรือความหมายเชิงอุปมา เป็นความหมายเพิ่มจากความหมายในตรง เช่น
“ กินใจ” หมายถึง รู้สึกแหนงใจ
“ กินแรง” หมายถึง เอาเปรียบผู้อื่นในการทำงาน


                         - พัฒนาการของภาษาของเด็กปฐมวัย
    
                 พัฒนาการทางภาษาของเด็กเป็น 7 ระยะคือ
            1.ระยะเปะปะ (Randon Stage หรือ Prelinguistic Stage) อายุแรกเกิด ถึง 6 เดือน 
การเปล่งเสียงของเด็กก็เพื่อบอกความต้องการของเขาและเมื่อได้รับการตอบสนอง  จะเริ่มออกเสียง อ้อ – แอ้

              2. ระยะแยกแยะ (Jergon Stage) อายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี หลังจาก 6 เดือนขึ้นไปเด็กจะสามารถแยกแยะเสียงต่าง ๆ ที่เขาได้ยิน  ในบางครั้งเด็กจะเลียนเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ ที่มีคนพูดคุยกับเขา


              3.ระยะเลียนแบบ (Imitation Stage) อายุ 1 – 2 ปี ในระยะนี้เด็กจะเริ่มเลียนเสียงต่าง ๆ ที่เขาได้ยิน


              4.ระยะขยาย (The Stage of Expansion) อายุ 2 – 4 ปี ในระยะนี้เด็กจะหัดพูด โดยจะเริ่มจากการหัดเรียกชื่อ คน สัตว์ และสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัว  ซึ่งในวัยต่าง ๆ เขาจะสามารถพูดได้ดังนี้

  • อายุ 2 ปี เด็กจะเริ่มพูดเป็นคำ โดยจะสามารถใช้คำนามได้ประมาณ20 เปอร์เซ็นต์
  • อายุ 3 ปี เด็กจะเริ่มพูดเป็นประโยคได้
  • อายุ 4 ปี เด็กจะเริ่มใช้คำศัพท์ต่าง ๆ และรู้จักการใช้คำเติมหน้าและลงท้ายอย่างที่ผู้ใหญ่ใช้กัน
             5.ระยะโครงสร้าง (Structure Stage) อายุ 4 – 5 ปี ระยะนี้เด็กจะเริ่มพัฒนา
ความสามารถในการรับรู้และการสังเกต เด็กจะเริ่มเล่นสนุกกับคำและรู้จักคิดคำและประโยคของตนเอง 


           6. ระยะตอบสนอง (Responding Stage) อายุ 5 – 6 ปี ในระยะนี้เด็กจะมีความสามารถในการคิดและพัฒนาการทางภาษาสูงขึ้น เขาจะเริ่มพัฒนาภาษาไปสู่ภาษาที่เป็นแบบแผนมากขึ้น และใช้ภาษาเหล่านั้นกับสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว

         7. ระยะสร้างสรรค์ (Creative Stage) อายุ 6 ปีขึ้นไป ในระยะนี้ได้แก่ ระยะที่เด็กเริ่มเข้าโรงเรียน เด็กจะเล่นสนุกกับคำและหาวิธีสื่อความหมายด้วยตัวเลข เขาจะรู้สึกสนุกกับการแสดงความคิดเห็นโดยการพูดและการเขียน

จะเห็นได้ว่า พัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย ในระยะเริ่มแรกจะมีความสามารถในด้านการฟัง สามารถแยกแยะเสียงต่าง ๆ ที่ได้ยิน และต่อมาจะมีการเลียนแบบเสียงที่ได้ยินและสามารถพูดเลียนแบบเสียงที่คุ้นเคยได้ เมื่ออายุ 4 – 5 ปี สามารถพูด
เป็นประโยคง่าย ๆ ได้ สามารถสื่อสารได้และเมื่อย่างเข้าปีที่ 6 จะพัฒนาไปสู่พื้นฐานการเขียน



                         - ปัจจัยที่มีอิทธิ์พลต่อพัฒนาการของภาษา
         ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการหรือความก้าวหน้าทางภาษาของเด็กมีดังนี้
  1. วุฒิภาวะ เมื่อเด็กมีความเจริญขึ้นตามลำดับ ความสามารถในการพูด การเขียนย่อมตามมา นั
  2. สิ่งแวดล้อม ถ้าหากพ่อแม่ ผู้ปกครองสนใจ เอาใจใส่ พยายามพร่ำสอนให้เด็กพูดคุย และหัดอ่านหัดเขียนอยู่ตลอด เด็กจะมีความพร้อมทางภาษามาก 
  3. การเข้าใจความหมายภาษาที่ใช้พูด ถ้าอยู่ในวงแคบศัพท์ก็พื้น ๆ ธรรมดาแต่ถ้าหากอยู่ในชุมชนที่กว้างใหญ่ เด็กก็สามารถเข้าใจคำ ประโยค วลีที่มีความหมายต่าง ๆได้ดี 
  4. การให้มีพัฒนาการทั้งหมด (Develope as a Whole) เราจะต้องให้เด็กมีรูปร่างที่ดี หน้าตาสดใส สะอาดกายใจ สมองก็ต้องให้ดี สุขภาพสมบูรณ์ และสังคมก็ต้องดี จึงจะทำให้เด็กมีความเจริญทางภาษาได้ดี 
  5. ขั้นตอนและการจัดชั้นเรียน  ครูผู้สอนน่าจะมีความสามารถในการวินิจฉัยบทเรียนนั้น ๆ ได้ด้วยตนเอง
  6. การมีส่วนร่วม (Participation) กิจกรรมใด ๆ ก็ตามเด็ก ๆ ควรมีส่วนร่วมทุกครั้ง ทุกคน  การร่วมกิจกรรมต่าง ๆ มีส่วนช่วยให้เด็กมีความเจริญทางภาษาได้อย่างมาก
2.สอนร้องเพลงสำหรับเด็กปฐมวัย 10  เพลง 

                       เพลงสำหรับเด็กปฐมวัย


  1. เพลงแปรงฟัน
  2. เพลงอาบน้ำ
  3. เพลงล้างมือ
  4. เพลงเมื่อพบกัน
  5. เพลงพี่น้องกัน
  6. เพลงตาดูหูฟัง
  7. เพลงฝึกกายบริหาร
  8. เพลงมาโรงเรียน
  9. เพลงใครเอย
  10. เพลงกินผักกัน

 ผู้แต่ง อ.ศรีนวล   รัตนสุวรรณ




3.ฝึกการคัดลายมือ ก-ฮ และสระภาษาไทย

ตัวอย่างการคัดลายมือ ก-ฮ และสระภาษาไทย

ผลงานการคัดลายมือ ก-ฮ และสระภาษาไทยของนักศึกษา




ผลงานการคัดลายมือ ก-ฮ และสระภาษาไทยของนักศึกษา
ผลงานการคัดลายมือ ก-ฮ และสระภาษาไทยของนักศึกษา












ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้
  • ทราบถึงความหมายของภาษา   ความสำคญของภาษา  ทักษะของภาษารวมถึงองค์ปรกอบของภาษา  พัฒนาการของภาษาของเด็กปฐมวัย และปัจจัยที่มีอิทธิ์พลต่อพัฒนาการของภาษา
  • รู้วิธีการร้องเพลงสำหรับเด็กปฐมวัย 10  เพลงให้สนุก
  • ฝึกการคัดลายมือ ก-ฮ และสระภาษาไทยที่ถูกต้อง  ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภาษาไทยให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป




   ขอบคุณข้อมูลจาก  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=845068

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น