วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียน ประจำวัน 25 กันยายน 2557

บันทึกการเรียน

1. แนวทางในการจัดประสบการณ์ทางภาษา

         1.1 มุมมองด้านโครงสร้างของภาษา
         1.2 มุมมองทางด้านหน้าที่ของภาษา
         1.3 มุมมองด้านปฎิสัมพันธ์
         
แนวทางในการจัดประสบการณ์ทางภาษา


    แนวทางในการจัดประสบการณ์ทางภาษา สำหรับเด็กปฐมวัย 

                        การส่งเสริมพัฒนาทักษะการฟัง

                                    สรุปได้ว่า การส่งเสริมทักษะการฟัง ครูควรส่งเสริมให้สอดคล้องกับหลักพัฒนาการของเด็ก โดยเริ่มจากการฟังสิ่งที่ใกล้ตัวเด็กจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน 

                        การส่งเสริมการพูดที่ดี 
                              อาจกล่าวสรุปได้ว่า  โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้คุ้นเคยกับภาษาในการสื่อสารให้มาก โดยผ่านกระบวนการที่เด็กสนใจ เช่น เพลา คำคล้องจอง การฟังนิทาน และโดยการโต้ตอบทำถาม จากครูหรือผู้ดูแลเด็ก 



 2.การจัดประสบการ์ณทางภาษาที่เน้นทักษะทางด้านภาษา
การจัดประสบการ์ณทางภาษาที่เน้นทักษะทางด้านภาษา


3. แนวทางการสอนภาษาแบบธรรมชาติ 

                              ภาษาธรรมชาติ WHOLE lANGUAGE

                        สรุปได้ว่า การสอนภาษาแบบธรรมชาติ การใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยเด็กจะต้องคุ้นเคยกับภาษาได้โดยธรรมชาติ โดยผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ตามความสนใจในการใช้ภาษาในกิจกรรม ซึ่งได้เรียนรู้โดยไม่รู้ตัวในชีวิตประจำวัน เมื่อเด็กใช้ภาษาที่ผิดก็ไม่กล่าวตำหนิเลยทันที ค่อย ๆ พัฒนาภาษาโดยผ่านกระบวนการด้านต่าง ๆ ตามลำดับ ให้กลมกลืนกับธรรมชาติการเรียนรู้ และกิจกรรมที่เด็กสนใจ


การสอนภาษาธรรมชาติ


การแจกลูก


ธรรมชาติของเด็กปฐมวัย


         จากความเชื่อ แนวคิด และหลักการสอนภาษาแบบธรรมชาติที่นักการศึกษาหลายท่านได้อธิบายไว้ สรุปเป็น  หลักการสำคัญของการสอนภาษาแบบธรรมชาติ ดังนี้

       1. การจัดสภาพแวดล้อม ตัวหนังสือที่ปรากฏในห้องเรียนต้องมีเป้าหมายในการใช้จริงๆ หนังสือที่ใช้จะต้องเป็นหนังสือที่ใช้ภาษาที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัว  และจะต้องให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัดสภาพแวดล้อมด้วย

        2. การสื่อสารที่มีความหมาย เด็กมีโอกาสสื่อสารโดยมีพื้นฐานจากประสบการณ์จริง เด็กมีโอกาสอ่านเขียนอย่างมีจุดมุ่งหมายจริงๆ  และให้เด็กได้ใช้เวลาในการอ่านและเขียนตามโอกาสตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องกำหนดตายตัวว่าช่วงเวลาใดต้องอ่าน หรือช่วงเวลาใดต้องเขียน

       3. การเป็นแบบอย่าง  ครูต้องอ่านและเขียนโดยมีจุดมุ่งหมายในการใช้จริงๆให้เด็กได้เห็น  ครูยังต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กเห็นว่าการอ่านเป็นเรื่องสนุก เพื่อสร้างให้เด็กเกิดความรู้สึกที่ดีต่อการอ่าน

       4. การตั้งความคาดหวัง  ครูควรเชื่อมั่นว่าเด็กจะสามารถอ่านและเขียนได้ดีขึ้นและถูกต้องยิ่งขึ้น 

      5. การคาดคะเน การสอนภาษาควรให้เด็กมีโอกาสที่จะทดลองกับภาษา  และมีโอกาสเดาหรือคาดคะเนคำที่จะอ่าน 

     6. การให้ข้อมูลย้อนกลับ การสอนภาษาควรตอบสนองความพยายามในการใช้ภาษาของเด็กในทางบวก ยอมรับการอ่านและการเขียนของเด็กว่าเป็นสิ่งที่มีความหมายแม้ว่ายังไม่ถูกต้องสมบูรณ์ และพยายามตอบสนองเด็กให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ 

      7. การยอมรับนับถือ การสอนภาษาจะต้องตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก   เด็กต้องได้ตัดสินใจเลือกกิจกรรมที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง ในช่วงเวลาเดียวกันเด็กไม่จำเป็นต้องทำกิจกรรมอย่างเดียวกัน หรือทำกิจกรรมตามลำดับขั้นตอน เพราะการเรียนรู้ภาษาไม่มีลำดับขั้นตอนที่ถูกต้องตายตัว

         8. การสร้างความรู้สึกเชื่อมั่น การสอนภาษาต้องส่งเสริมให้เด็กรู้สึกปลอดภัยที่จะคาดคะเนในการอ่านหรือเขียน  ครูต้องทำให้เด็กไม่กลัวที่จะขอความช่วยเหลือด้านการอ่านและเขียนเมื่อจำเป็น เด็กต้องไม่ถูกตราหน้าว่าไม่มีความสามารถในการอ่านและเขียน ดังนั้น การสอนภาษาจึงต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการและความสามารถของเด็ก เพื่อให้เด็กมีความเชื่อมั่นว่าตนมีความสามารถที่จะอ่านและเขียนได้


การสอนภาษาธรรมชาติ


การสอนภาษาธรรมชาติ







4. แบ่งกลุ่มทำ My Mapping เรื่องภาษาธรรมชาติ WHOLE lANGUAGE



ภาษาธรรมชาติ WHOLE lANGUAGE

ภาษาธรรมชาติ WHOLE lANGUAGE



ภาษาธรรมชาติ WHOLE lANGUAGE
ภาษาธรรมชาติ WHOLE lANGUAGE


















5. ร้องเพลงสำหรับเด็กปฐมวัย 10 เพลง



  เพลงสำหรับเด็กปฐมวัย

  1. เพลงเลขบวกลบ
  2. เพลงนกกระจิบ
  3. เพลงเที่ยวท้องนา
  4. เพลงแม่ไก่ออกไข่
  5. เพลงลูกแมวสิบตัว
  6. เพลงลุงมาชาวนา
  7. เพลงผีเสื้อ
  8. เพลงกระต่าย
  9. เพลงลูกสัตว์
  10. เพลงนกเขาขัน

 ผู้แต่ง อ.ศรีนวล   รัตนสุวรรณ
เพลงสำหรับเด็กปฐมวัย

ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้



  • ทราบถึงแนวทางในการจัดประสบการณ์ทางภาษาการจัดประสบการ์ณทางภาษาที่เน้นทักษะทางด้านภาษา   แนวทางการสอนภาษาแบบธรรมชาติ WHOLE lANGUAGE และ หลักการของการสอนภาษาแบบธรรมชาติ
  • ทราบถึงความคิดรวบยอดจาก My Mapping เรื่องภาษาธรรมชาติ 
  • รู้เพลงสำหรับเด็กปฐมวัย 10 เพลงเพิ่มขึ้น

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียน ประจำวันที่ 18 กันยายน 2557



บันทึกการเรียน

1 นักศึกษานำเสนองานกลุ่ม ( powerpoint)



พัฒนาการด้านภาษา ของเด็กปฐมวัย
                 
                        พัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย ครอบคลุมทักษะทางภาษา 4 ด้าน ได้แก่ ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน ซึ่งแต่ละทักษะจะมีพัฒนาการไปตามวัย ดังนี้


                         พัฒนาการด้านการฟัง ของเด็กปฐมวัย
พัฒนาการด้านการฟัง ของเด็กปฐมวัย
              
ตารางที่ 1 พัฒนาการทางภาษาด้านทักษะการฟังของเด็กปฐมวัย
อายุ
พัฒนาการด้านการฟัง
3 ปี 4 ปี
1. ฟังนิทานสั้น ๆ หนังสือสั้น ๆ หรือเรื่องราวได้อย่างตั้งใจ โดยเฉพาะประเภทเทพนิยาย
2. เข้าใจคำสั่งครู และปฏิบัติตามคำสั่ง ข้างหน้า ข้างหลัง ข้างบน ข้างล่าง และข้าง ๆ ได้
3. ปฏิบัติตามคำสั่งได้ 2 3 ขั้นตอน
4. สนใจฟังวิทยุ โทรทัศน์ โดยเฉพาะการฟังละคร
4 ปี 5 ปี
1. ชอบฟังนิทาน เรื่องสั้น ๆ หรือเรื่องราวและบอกตัวละครที่ชอบได้ โดยเฉพาะประเภทเทพนิยาย เช่น สโนไวท์ ซิลเดอเรลล่า เจ้าหญิงนิทรา ถ้ามีโอกาสได้แสดงบทบาทสมมติตามเรื่อง เด็กจะพอใจมาก
2. ปฏิบัติตามคำสั่งที่ต่อเนื่อง 3 4 ขั้นตอน
5 ปี 6 ปี
1. ชอบฟังเรื่องราว เรื่องสั้นต่าง ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ และบอกตัวละครที่ชอบได้
2. มีมารยาทในการฟัง
3. มีสมาธิในการฟังเรื่องที่สนใจ
4. รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
5. ฟังคำสั่งหลายขั้นตอนที่ไม่เกี่ยวข้องและสามารถปฏิบัติได้


ที่มา  (ชิตาพร  เอี่ยมสะอาด, 2548 : 24)


           พัฒนาการด้านการพูด ของเด็กปฐมวัย
พัฒนาการด้านการพูด ของเด็กปฐมวัย
                
ตารางที่ 2 พัฒนาการทางภาษาด้านทักษะการพูดของเด็กปฐมวัย

อายุ
พัฒนาการด้านการพูด
3 ปี 4 ปี
1. สนใจภาษาของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคำแสลง หรือคำอุทานที่ไม่สุภาพแล้วเก็บมาพูด
2. สนทนาโต้ตอบหรือเล่าเรื่องราวสั้น ๆ ได้
3. ตอบคำถามง่าย ๆ ได้
4. ใช้คำบุพบท บน ล่าง ได้
5. พูดเลียนแบบจะพูดประโยคยาวมากขึ้น เช่น หนูรักคุณครูเท่าฟ้า
6. บอกชื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวได้
7. ชอบพูดคนเดียว คุยกับเพื่อนในฝัน
8. ตั้งคำถามผู้ใหญ่ อะไร ทำไม
3 ปี 4 ปี
1. สนใจคำถามเกี่ยวกับการเกิด เช่น หนูออกมาจากท้องแม่ทางไหน และยังสนใจเรื่องความตาย เช่น ทำไมคุณปู่จึงตาย คุณปู่ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน  คุณปู่จะทานอาหารอย่างไร
2. บอกชื่อภาพของสิ่งของที่คุ้นเคยได้
3. ท่องคำคล้องจองหรือเพลงสั้น ๆ พร้อมกับเคลื่อนไหวได้
4. บอกความรู้สึก ความต้องการพื้นฐาน เช่น หิว ร้อน เจ็บปวด และปัสสาวะได้
5. ยังออกเสียงพูดไม่ชัดเจน เช่น ร ล ด ส
4 ปี 5 ปี
1. พูดคำคล้องจอง ร้องเพลงสั้น ๆ และทำท่าประกอบได้
2. สามารถเข้าใจคำพูดมากขึ้น
3. สนทนาโต้ตอบหรือเล่าเรื่องราวที่จะพูดเป็นประโยคต่อเนื่องได้

อายุ
พัฒนาการด้านการพูด
4 ปี 5 ปี
4. เข้าใจข้อความยาว ๆ ของผู้ใหญ่ได้ดีขึ้น และพูดประโยคที่ซับซ้อนโดยใช้คำต่าง ๆ ได้
5. บอกชื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายหรือสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว อยู่ในชุมชนและสังคม รวมทั้งเรียกชื่อวันสำคัญต่าง ๆ ได้
6. บอกความรู้สึกและความต้องการพื้นฐานได้อย่างมีความหมายมากขึ้น
7. ซักถามสิ่งที่อยู่ในใจด้วยคำถาม อะไร ทำไม อย่างไร และตอบคำถามเหล่านั้นได้
8. ใช้ภาษาถูกกาลเทศะขึ้น
9. พยายามพูดข้อความยาว ๆ โดยเลียนแบบผู้ใหญ่ในการสร้างประโยค เช่น หนูจะอ่านหนังสือทุกวัน จะได้เก่งเหมือนพ่อ
10. รู้จักคำประมาณ 3,000 6,000 คำ
11. ชอบพูดคำว่า เพราะว่า...
5 ปี 6 ปี
1. ชอบสนทนากับเพื่อนหรือผู้ใหญ่มากกว่าเล่นสิ่งของ
2. มีความสนุกสนานที่ได้สนทนา
3. บอกความต้องการพื้นฐานได้
4. อธิบายความรู้สึกและความต้องการได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
5. ใช้ท่าทางประกอบในการเล่าเรื่อง
6. อธิบายภาพและเล่าเรื่องจากภาพได้
7. เล่านิทานที่เคยได้ยินหรือสิ่งที่พบเห็นได้
8. ตั้งคำถามถามผู้อื่นว่าอย่างไร
9. ตอบคำถามโดยอาศัยการรับรู้
10. ซักถามสิ่งที่สงสัยและร่วมอภิปรายหาคำตอบได้
11. ใช้คำบุพบท สันธานง่าย ได้ เช่น กับ แต่ และ เป็นต้น
12. พูดคำคล้องจอง ร้องเพลง และทำท่าประกอบได้

ที่มา  (ชิตาพร  เอี่ยมสะอาด, 2548 : 26 28)
                        
           พัฒนาการด้านการอ่าน ของเด็กปฐมวัย
พัฒนาการด้านการอ่าน ของเด็กปฐมวัย

ตารางที่ 3 พัฒนาการทางภาษาด้านทักษะการอ่านของเด็กปฐมวัย
อายุ
พัฒนาการด้านการอ่าน
3 ปี 4 ปี
1. สนใจหนังสือที่ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง
2. เริ่มมีความต้องการที่จะอ่านหนังสือ เช่น หยิบหนังสือมาให้ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง เปิดดูหนังสือด้วยตนเอง เป็นต้น
3. อ่านพยัญชนะได้บ้าง
4. อ่านหนังสือประกอบภาพได้คล่อง แต่จำอักษรไม่ได้
5. ชอบดูรูปภาพสัตว์เลี้ยง ดอกไม้
6. อาจรู้จักคำง่าย ๆ (บางคนใช้วิธีท่องจำ บางคนก็จำได้เอง)
7. เปิดและทำท่าอ่านหนังสือ
3 ปี 4 ปี
1. แสดงความสนใจที่จะอ่านด้วยการมองภาพและตัวหนังสือในนิทาน
2. ทำท่าอ่านหนังสือโดยอาศัยภาพและความจำ
3. เลือกหนังสือที่ตนสนใจให้ผู้อื่นอ่านให้ฟัง
4. อ่านคำสั้น ๆ ได้โดยอาศัยความจริง
5. จำพยัญชนะได้แม่นยำโดยไม่ต้องใช้ภาพช่วย
6. เริ่มรู้จักตัวสะกดง่าย ๆ
7. ชอบอ่านหนังสือเสียงดังเต็มที่
8. สนใจหนังสือตัวโต ๆ คำง่าย ๆ
4 ปี 5 ปี
1. สามารถเข้าใจหนังสือรูปภาพได้รวดเร็ว
2. ชอบหนังสือเกี่ยวกับอนามัย หรือการใช้เหตุผลง่าย ๆ หรือการใช้คำสุภาพ
3. อ่านชื่อตัวเอง ป้ายประกาศ ชื่อขนมที่รับประทานบ่อยได้บ้าง
4. ชอบอ่านโฆษณาในโทรทัศน์ ยี่ห้อรถยนต์ หรือยี่ห้อสินค้าอื่น ๆ

อายุ
พัฒนาการด้านการอ่าน
5 ปี 6 ปี
1. อ่านเป็นจริงเป็นจังขึ้น
2. สนุกกับการอ่านชีวประวัติบุคคลสำคัญ
3. อ่านหนังสือรู้ความหมายมากขึ้น
4. เปิดและทำท่าอ่านหนังสือโดยอาศัยภาพและความจำ
5. เลือกหนังสือที่ตนสนใจให้ผู้อื่นอ่านให้ฟัง

ที่มา  (ชิตาพร  เอี่ยมสะอาด, 2548 : 29 30)

           พัฒนาการด้านการเขียน ของเด็กปฐมวัย
พัฒนาการด้านการเขียน ของเด็กปฐมวัย
          
ตารางที่ 4 พัฒนาการทางภาษาด้านทักษะการเขียนของเด็กปฐมวัย

อายุ
พัฒนาการด้านการเขียน
3 ปี 4 ปี
1. จำชื่อตัวเองได้ หรืออาจเขียนชื่อตนเองได้
2. เขียนอักษรได้บางตัว
3. ขีดเขียนตามความสนใจ
4. ชอบวาดภาพระบายสี
5. วาดรูปวงกลมตามแบบได้
6. คัดลอกตัวอักษรที่เห็นได้
7. บอกข้อความให้ผู้ใหญ่เขียนได้
4 ปี 5 ปี
1. เขียนชื่อตนเองได้แต่ตัวอักษรอาจไม่เท่ากัน
2. เขียนพยัญชนะ ตัวเลขได้ แต่อาจไม่เรียงลำดับ
3. เขียนตัวอักษรได้แต่บางทีหัวกลับ หรือสลับตัวอักษร
4. เขียนตามแบบผู้ใหญ่ได้
5. วาดภาพที่ยากขึ้นได้และภาพมีความสมบูรณ์ขึ้น
6. วาดรูปสี่เหลี่ยมตามแบบและวงกลมเข้าด้วยกันได้
7. ใช้เชือกร้อยสิ่งของได้
8. ตัดกระดาษให้อยู่ในแนวระหว่างเส้นสองเส้นได้
9. ขีดเขียนเป็นลายเส้นคล้ายตัวอักษร
5 ปี 6 ปี
1. วาดรูปสามเหลี่ยม (D) ตามแบบได้
2. ใช้เชือกร้อยวัสดุตามแบบได้
3. ตัดกระดาษตามเส้นได้
4. เขียนโดยคิดตัวสะกดขึ้นเอง เช่น ก ข แทนคำว่ากินข้าว
5. เขียนสะกดคำใกล้เคียงกับวิธีสะกดของผู้ใหญ่
6. เขียนคำที่คุ้นเคยได้
7. สื่อความหมายของคำที่เขียนได้มากขึ้น
8. ขีดเขียนชื่อตนเอง คำ ข้อความที่ลอกหรือจำมาได้

ที่มา  (ชิตาพร  เอี่ยมสะอาด, 2548 : 31 32)


พัฒนาการด้านการเขียน ของเด็กปฐมวัย


               สรุปได้ว่า พัฒนาการทางภาษาเริ่มพัฒนาเป็นกรรมานการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่แรกเกิด แล้วจะพัฒนาการไปตามลำดับขั้นตอนของพัฒนาการตามวัยของเด็ก โดยเริ่มจากการฟังเสียงจากสิ่งรอบตัว แล้วพัฒนาไปสู่คำที่มีความหมาย
                     
 2 นักศึกษาตอบคำถามอาจารย์เมื่อแต่ละกลุ่มนำเสนองานเสร็จ

นักศึกษาตอบคำถามอาจารย์เมื่อแต่ละกลุ่มนำเสนองานเสร็จ

 3 นักศึกษาร้องเพลงสำหรับเด็กปฐมวัย 10 เพลง





 4 อาจารย์สอนวิธีการลิงค์ข้อมูลของมหาวิทยาลัย และรูปของอาจารย์



ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้



  • นักศึกษาทราบถึงพัฒนาการด้านภาษาของเด็กในแต่ละด้าน คือ  พัฒนาการด้านการฟัง พูด อ่าน และเขียนเพื่อที่จะสามารถนำไปบูรณาการการเรียนการสอนสำหรับเด็กแต่ละคนในอนาคตได้
  •  นักศึกษามีสามารถร้องเพลงสำหรับเด็กปฐมวัย 10 เพลงได้  สามารถนำไปใช้ในการเรียนสอนต่อไป
  •  ทราบวิธีการลิงค์ข้อมูลของมหาวิทยาลัย และรูป  เพื่อที่จะนำไปใช้ในการสร้างบล็อคเพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมต่อไป
  • ทราบวิธีการลิงค์ข้อมูลของมหาวิทยาลัย และรูปของอาจารย์





ขอบคุณข้อมูลจาก  http://www.yalaopec.go.th/yalaopec2011/images/stories/082556/0956/7.doc



บันทึกการเรียน ประจำวันที่ 11 กันยายน 2557



บันทึกการเรียน



1.เรียนเนื้อหาเกี่ยวกับทฤษฎี


                1.1 เเนวคิดของกลุ่มพฤติกรรมนิยม
                                    - ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Skinner
                                    - ทฤษฎีการเรียนรู้ของ John B. Watson
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ   Skinner

ทฤษฎีการเรียนรู้ของ John B. Watson

                1.2 เเนวคิดกลุ่มพัฒนาการทางสติปัญญา
                                    - ทฤษฎีการเรียนรู้ของ  Vygotsky
                                    - ทฤษฎีการเรียนรู้ของ   Piaget


ทฤษฎีการเรียนรู้ของ   Piaget
        เพียเจท์ (Piaget) เชื่อว่าการเรียนรู้ภาษาเป็นผลจากความสามารถทางสติปัญญา เด็กเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัวของเขา เด็กจะเป็นผู้ปรับสิ่งแวดล้อมโดยการใช้ภาษาของตน 
        นอกจากนี้เพียเจท์ (Piaget) ยืนยันว่า พัฒนาการทางภาษาของเด็กเป็นไปพร้อม ๆ กับความสามารถด้านการให้เหตุผล การตัดสิน และด้านตรรกศาสตร์ เด็กต้องการสิ่งแวดล้อม
ที่จะส่งเสริมให้เด็กสร้างกฎ ระบบเสียง ระบบคำ ระบบประโยค และความหมายของภาษา นอกจากนี้เด็กยังต้องการฝึกภาษาด้วยวิธีการหลาย ๆ วิธีและจุดประสงค์หลาย ๆ อย่าง
     

                 1.3 เเนวคิดของกลุ่มที่เชื่อเรื่องความพร้อมทางร่างกาย
                                     - ทฤษฎีการเรียนรู้ของ  Arnold Gesell

              Arnold Gesell เห็นว่า ความพร้อมเป็นเรื่องของธรรมชาติที่จะต้องค่อยเป็นค่อยไปถ้าเด็กยังไม่พร้อม เราควรรอให้เด็กพร้อมก่อนจึงให้เด็กเรียน


                 1.4 เเนงคิดของกลุ่มที่เชื่อว่าภาษา ติดตัวมาตั้งเเต่เกิด

                                     - ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Noam chomsky
                                     - ทฤษฎีการเรียนรู้ของ O. Hobart Mowrer




ทฤษฎีการเรียนรู้ของ O. Hobart Mowrer


2.อาจารย์สอนร้องเพลงสำหรับเด็กปฐมวัย 10 เพลง

อาจารย์สอนร้องเพลงสำหรับเด็กปฐมวัย
เพลงสำหรับเด็กปฐมวัย



3.วาดภาพที่นักศึกษาชอบ(รูปะไรก็ได้) ใช้สีชอล์คพร้อมตีเส้นข้างล่างภาพเพื่อที่จะเขียนชื่อของภาพ



วาดรูปตามใจชอบ
ผลงานวาดรูปตามใจชอบ "ครอบครัวของหนู"



4.นำเสนอและบอกเหตูผลภาพที่นักศึกษาวาด


  ."ครอบครัวของหนูประกอบไปด้วยคุณพ่อคุณแม่ ฉันและน้องสาว  
ครอบครัวของหนูมีความสุข"
นำเสนอหน้าชั้นเรียน บอกเหตุผลที่วาดรูปดังภาพ


ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้

  • นักศึกษาทราบถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลตามธรรมชาติของเด็กและนำความรู้ไปปรับใช้ในการเรียนการสอน
  • อาจารย์สอนร้องเพลงสำหรับเด็กปฐมวัย 10 เพลง นักศึกษาได้รับเทคนิคในการร้องเพลง
  • วาดภาพที่นักศึกษาชอบ(รูปะไรก็ได้) ทำให้นักศึกษาได้แสดงออกซึ่งความสามารถทางศิลปะ
  •   ฝึกให้นักศึกษาให้คิดให้กล้าแสดงออกและนำเสนอผลงานได้อย่างสร้างสรรค์จากการนำเสนอและบอกเหตุผลที่นักศึกษาวาดภาพ